บทที่ 5 2.2 จางอวิ๋นซีคนใหม่
ตกดึกกลางคืน
หลี่ฮูหยินลอบติดต่อกับคนจากสกุลหลี่ของตนเองอย่างลับๆ นางวางแผนการเอาไว้ ว่าอย่างไรจะต้องกำจัดจางอวิ๋นซีก่อนถึงวันงานฉลองพระราชสมภพของไทเฮาก่อนแน่ นางต้องทำเพื่อให้อนาคตของบุตรสาวนางมั่นคง อย่างน้อยหากจางเซียวหรูมิได้อภิเษกกับอ๋องไท่หยาง แต่หากนางได้อภิเษกกับองค์ชายใหญ่ ซึ่งเป็นโอรสของหยางเต๋อเฟย ตำแหน่งพระชายารัชทายาทคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมนัก
และศัตรูในอนาคตที่จะเป็นภัยต่อบุตรสาวของนางก็จะหมดไปด้วย
จางอวิ๋นซี...เจ้าไม่สมควรมาแย่งความสุขของลูกข้าไป!
“จัดการตามนี้ คืนนี้จัดการนางเสร็จเอาร่างนางมาที่...”
หลี่ฮูหยินกระซิบเสียงเบากับกลุ่มชายลึกลับ
เซียวเหม่ยฉีในร่างของจางอวิ๋นซีซึ่งนอนแน่นิ่งในเกี้ยว ถูกพามายังจวนสกุลจางในสภาพที่เปียกปอน เนื่องจากงานฉลองวันพระราชสมภพของไทเฮาถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้ว และจางอวิ๋นซีคือผู้ที่ไทเฮาทรงมีพระเสาวนีย์เชิญร่วมงานสำคัญในครั้งนี้ หากนางหายไปย่อมเป็นผลไม่ดีต่อสกุลจางอย่างแน่นอน แต่ทว่าจางเยี่ยนก็หาได้สนใจการหายไปของบุตรสาวนัก ร้อนถึงไท่ฮูหยินและจางฮูหยินที่แทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ จึงสั่งให้พ่อบ้านมู่และหรูหรงออกตามหานางพร้อมกับคนในจวนอีกสามสี่คน
แต่ทว่าไท่ฮูหยินก็ไม่คาดคิดว่าจะเจอสภาพของหลานสาวสุดที่รักในสภาพที่เปียกปอนเช่นนี้
พ่อบ้านมู่และคนในจวนช่วยกันพาร่างของจางอวิ๋นซีเข้าไปด้านใน สาวใช้คนสนิทของหลี่ฮูหยินจึงรีบมารายงาน สร้างความตกใจให้กับหลี่ฮูหยินและจางเซียวหรูยิ่งนักที่รู้ว่าอีกฝ่ายถูกตามหาร่างจนพบ
“ท่านแม่ เราจะทำยังไงดีเจ้าคะ หากนางจำได้ว่าพวกเราวางแผนฆ่านาง เราต้องแย่แน่ๆ ท่านแม่” จางเซียวหรูเขย่าแขนมารดาอย่างเป็นกังวล
หลี่ฮูหยินปลดมือบุตรสาวออกจากแขน
“เอาล่ะๆ ตอนนี้เราต้องทำเป็นทองไม่รู้ร้อนไปก่อน แต่เจ้าวางใจเถิดคนพวกนั้นเป็นคนของเรา หากพวกมันถูกจับได้พวกมันยอมพลีชีพทันที”
จางเซียวหรูรู้สึกขัดใจยิ่ง นางมองมารดาเดินนำออกไปจากเรือนในเพลาค่ำคืนหลังจากฝนหยุดตกเช่นนี้
‘จางอวิ๋นซี เจ้าจะเป็นมารขัดขวางข้าไปถึงเมื่อใด!?’
จางเซียวหรูกำหมัดแน่น นางคิดแค้นอีกฝ่ายในใจยิ่งนัก เหตุใดนางจึงตายยากตายเย็นเยี่ยงนี้!
เซียวเหม่ยฉีตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างของจางอวิ๋นซีดังเดิม นางปรือตาขึ้นมาขจัดความง่วงและอาการปวดหัวออกไป ในหัวพยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่หญิงสาวผู้นั้นพาเธอมายังโลกแห่งนี้ โลกที่อยู่ห่างไกลจากความเจริญเกือบพันปี!
หญิงสาวเอามือกุมศีรษะของตนเองเอาไว้ ผลจากการตากฝนนานๆ ทำให้เธอเริ่มเป็นไข้และตัวร้อนรุมๆ นัก
“คุณหนู ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” เสียงใสของหญิงสาวที่รุ่นราวคราวเดียวกับเซียวเหม่ยฉีดังขึ้น เด็กสาวคนนั้นหันหน้ามาหาผู้ที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนจะเอาผ้าที่ชุบน้ำค่อยๆ เช็ดตามลำตัวของอีกฝ่าย
“คุณหนู ท่านสลบไปหนึ่งวันเต็มๆ เลยนะเจ้าคะ เหตุใดท่านจึงไปอยู่ในที่รกร้างเช่นนั้นกัน อันตรายมากนะเจ้าคะดีที่ไท่ฮูหยินสั่งให้ข้าพวกข้าออกตามหาท่านที่บริเวณนั้น จึงได้เจอกับท่าน...” หรูหรงเอ่ยยืดยาว
“เดี๋ยวๆ นะ เธอเรียกฉันว่าคุณหนู?” เซียวเหม่ยฉีขมวดคิ้วถามอีกฝ่าย ตอนนี้หญิงสาวพอจำได้รางๆ เกี่ยวกับเจ้าของร่างนี้ที่ต้องการให้เธอมาแก้แค้นใครบางคน ใครบางคนที่ฆ่าเจ้าของร่างนี้...
หรูหรงพยักหน้าตอบ “เจ้าค่ะ ท่านคือคุณหนูบุตรสาวฮูหยินใหญ่ของจวนนี้”
นึกไม่ถึงแฮะ ว่าเจ้าของร่างที่ฉันอยู่จะมีพ่อแม่เป็นเศรษฐีรวยขนาดนี้...
เซียวเหม่ยฉียิ้มในใจกับความคิดของตนเอง
“แล้วเธอคือ...”
หรูหรงวางผ้าในมือลงกับอ่างน้ำอุ่นด้วยท่าทีตกใจ นางนั่งลงข้างๆ กับจาง อวิ๋นซีผู้เป็นนาย “คุณหนู ท่านความจำเสื่อมจนจำบ่าวไม่ได้หรือเจ้าคะ?”
เซียวเหม่ยฉีอยากจะเขกหัวสักร้อยทีนัก ทั้งๆ ที่เธอถูกพามาอยู่ในร่างนี้แล้วแท้ๆ แต่กลับจะก่อเรื่องวุ่นวายอีก
“เอ่อ คือว่า” เซียวเหม่ยฉีพยายามคิดหาข้อแก้ต่างในใจเพื่อไม่ให้สาวใช้ของจางอวิ๋นซีตกใจเอาได้
“ซีเอ๋อร์ของย่า เจ้าฟื้นแล้วหรือ?” ไท่ฮูหยินเดินเข้ามาหาผู้เป็นหลานสาวอย่างรวดเร็ว เซียวเหม่ยฉีทำตัวไม่ถูกนักเมื่อเจอกับเหตุการณ์แบบนี้
หญิงสาวอยู่ในสถานะน้ำท่วมปาก จะกล่าวอ้างสิ่งใดในเพลานี้ก็ไม่อาจทำได้ นางพยายามตั้งสติให้มั่นคงแล้วคิดถึงเหตุการณ์ทุกอย่างให้ถี่ถ้วน
“ซีเอ๋อร์” เสียงของจางฮูหยินดังมาจากหน้าห้อง นางเดินสาวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็วตรงเข้าสวมกอดจางอวิ๋นซีด้วยความคิดถึง
นานมากแล้วที่เซียวเหม่ยฉีไม่เคยสัมผัสถึงความรู้สึกอบอุ่นของมารดา เนื่องจากว่าเธอสูญเสียครอบครัวไปตั้งแต่ยังเด็ก จึงถูกญาติๆ ของเธอพาไปเลี้ยงดูจนกระทั่งได้ทำงานเป็นหมอในโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ซึ่งป่านนี้คุณย่าของเธอคงคิดถึงเธอเป็นแน่
เซียวเหม่ยฉีมองใบหน้าแต้มยิ้มของไท่ฮูหยินอีกครั้ง ใบหน้าของผู้เป็นย่าของนางก็ลอยทับมา ป่านนี้ท่านจะรู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหลานสาวคนนี้
เอาล่ะ...อยู่ในร่างของเธอก็ไม่ได้แย่กว่าที่คิดนะ ฉันจะเป็นจาง อวิ๋นซีเพื่อเธอก็แล้วกัน จางอวิ๋นซีคนใหม่...
